จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ส่งออกเหล็กราคาถูกสู่ตลาดโลกอย่างถล่มทลายในปี 2023 ที่ผ่านมา (หลังจากที่ชะลอลงในช่วงหลายปีก่อนหน้า) ทั้งด้วยความตั้งใจที่จะแข่งขันด้วยราคา และด้วยความจำเป็นที่ต้องระบายผลผลิตออก เนื่องจากวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ บวกกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ดีมานด์เหล็กในประเทศจีนหดตัวลง
ราคาเหล็กที่ร่วงต่ำลงกำลังส่งผลต่องบประมาณของออสเตรเลีย ประเทศที่ผลิตแร่เหล็กมากอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งพึ่งพาการส่งออกแร่เหล็กไปยังจีนในสัดส่วนที่สูงมาก
กระทรวงการคลังของออสเตรเลียเพิ่งออกบทวิเคราะห์เตือนเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับช่องโหว่งบประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 69,050 ล้านบาท) เนื่องจากราคาแร่เหล็กร่วงลงต่ำเร็วกว่าที่คาดการณ์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน
รายงานที่เผยแพร่โดย จิม ชาร์ลเมอร์ส (Jim Charlmers) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออสเตรเลียระบุว่า ราคาสปอตของการส่งออกแร่เหล็กของออสเตรเลียเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 สิงหาคม) ลดลง 38% นับตั้งแต่ต้นปี (YTD) และลดลง 7.5% จากสัปดาห์ก่อนหน้า เหลือราคา 81.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
การร่วงลงของราคาเหล็กอยู่ในทิศทางที่จะลงไปสู่ราคาตั้ง (Anchor Price) ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลียคาดการณ์ไว้ว่าราคาจะลงไปถึงจุดนั้นในเดือนมีนาคม 2025 แต่หากราคาเหล็กร่วงลงไปถึงจุดนั้นภายในเดือนกันยายนนี้ จะทำให้รายได้ภาษีของรัฐบาลออสเตรเลียลดลงถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และนั่นจะเกิดช่องโหว่ทางการคลังในจำนวนนี้
ทั้งนี้ ก่อนหน้าจะมีการเปิดเผยรายงานนี้ กระทรวงการคลังออสเตรเลียคาดการณ์ว่าจะมีการขาดดุลงบประมาณ 28,300 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในปีงบประมาณปัจจุบัน แต่เมื่อรายรับจะหายไป 3,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ก็หมายความว่ารัฐบาลออสเตรเลียอาจต้องเพิ่มการขาดดุลงบประมาณอีก 3,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ในปีงบประมาณ 2023-2024 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ออสเตรเลียส่งออกแร่เหล็กเป็นมูลค่า 138,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 317,620 ล้านบาท) แต่รายงานของรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อเดือนมิถุนายน คาดว่ารายได้จากการส่งออกเหล็กจะลดลงเหลือ 114,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 262,385 ล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2024-2025 และเหลือ 102,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 234,765 ล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2025-2026 เนื่องจากคาดว่าราคาเหล็กจะลดลงอีก
จากตัวเลขการค้าในปี 2023 การส่งออกแร่เหล็กของออสเตรเลียประมาณ 85% ของการส่งออกทั้งหมดนั้นเป็นการส่งไปยังจีน ขณะที่จีนครองสัดส่วนการผลิตเหล็กราวครึ่งหนึ่งของการผลิตเหล็กทั้งหมดในโลก
การวิเคราะห์ของกระทรวงการคลังออสเตรเลียตั้งข้อสังเกตว่า ตัวชี้วัดหลายตัวดูน่าเศร้าสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์จีน ซึ่งรัฐมนตรีคลังออสเตรเลียกล่าวในแถลงการณ์ว่า “ความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนและราคาแร่เหล็กที่ลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถือเป็นเครื่องเตือนใจอีกประการหนึ่งว่า เราไม่รอดจากความผันผวนและความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก”
“นี่คือเหตุผลที่เราใช้แนวทางที่ระมัดระวัง และระมัดระวังอย่างมากในการคาดการณ์ราคาแร่เหล็กและรายได้ของกระทรวงการคลัง เรากำลังติดตามการพัฒนาเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะว่ามันอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและงบประมาณของเรา”
นอกจากคำเตือนของกระทรวงการคลังออสเตรเลียแล้ว ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น บริษัท ไชน่า เปาอู่ สตีล กรุ๊ป คอร์ป. (China Baowu Steel Group Corp.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลกได้เตือนว่า อุตสาหกรรมเหล็กกำลังเผชิญกับ “ฤดูหนาวที่รุนแรง” ด้วยเงื่อนไขที่เลวร้ายยิ่งกว่าการตกต่ำที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008 และ 2015
แหล่งที่มา : ประชาชาติธุรกิจ